top of page

แผ่นสะท้อนความร้อนตัวช่วยสำคัญในการแก้ปัญหาบ้านร้อน

  • รูปภาพนักเขียน: sabuy plus
    sabuy plus
  • 6 วันที่ผ่านมา
  • ยาว 1 นาที

หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาที่ว่า “บ้านร้อนทำไงดี” หนึ่งในวิธีที่แก้ที่ได้ผลชัดเจนที่สุดก็คือการติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อน ซึ่งเป็นวัสดุที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้อย่างดีและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองไทยที่มีอากาศร้อนตลอดเกือบทั้งปี การใช้แผ่นสะท้อนความร้อนนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้ความร้อนทะลุผ่านหลังคาลงมาภายในบ้าน ช่วยให้คุณใช้แอร์น้อยลง และประหยัดค่าไฟได้ในระยะยาว


ree

แผ่นสะท้อนความร้อนคืออะไรและทำไมถึงจำเป็นที่จะต้องติดตั้งในทุกบ้าน

แผ่นสะท้อนความร้อนคือวัสดุที่มีผิวหน้าสะท้อนรังสีความร้อนจากแสงอาทิตย์ โดยส่วนใหญ่แล้วแผ่นสะท้อนความร้อนมักจะผลิตจากวัสดุที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดี เช่น อะลูมิเนียม ฟอยล์ชนิดพิเศษ และรวมถึงฟิล์มเคลือบโลหะ ซึ่งสามารถช่วยสะท้อนรังสีความร้อนได้มากถึง 90–97% เมื่อติดตั้งไว้ใต้หลังคา หรือโครงหลังคา จะช่วยป้องกันความร้อนก่อนเข้าสู่ตัวบ้าน แตกต่างจากฉนวนกันความร้อนที่เน้นการหน่วงการถ่ายเทของความร้อนภายในตัวอาคาร ซึ่งหลักการทำงานของแผ่นสะท้อนความร้อนทำงานโดยใช้หลักการสะท้อนพลังงานความร้อนจากแสงแดด โดยเฉพาะคลื่นอินฟราเรด ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิภายในอาคารสูงขึ้น เมื่อแผ่นสะท้อนความร้อนถูกติดตั้งไว้ใต้หลังคาหรือภายในผนัง โดยจะทำหน้าที่สะท้อนพลังงานความร้อนกลับออกไปสู่ภายนอกอาคาร ไม่ให้ความร้อนสามารถแทรกซึมเข้ามาภายสู่ในตัวอาคารได้


ควรเลือกแผ่นสะท้อนความร้อนยี่ห้อไหนดี?

ปัจจุบันในท้องตลาดถือได้ว่ามีหลากหลายยี่ห้อที่ได้ทำแผ่นสะท้อนความร้อนออกมาให้เลือกใช้บริการ เช่น แผ่นสะท้อนความร้อน SCG, แผ่นสะท้อนความร้อน C-CO, และ แผ่นสะท้อนความร้อนตราเพชร ซึ่งทั้งสามยี่ห้อนี้ล้วนแล้วแต่เป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมสูง และด้วยเหตุนี้การเลือกใช้งานจึงขึ้นอยู่กับงบประมาณและความต้องการของผู้ใช้งานเป็นหลัก ซึ่งเราจะมาดูกันให้ชัดๆ ว่าเราควรแผ่นสะท้อนความร้อนยี่ห้อไหนดีจึงจะเหมาะสมกับความต้องการของเรามาที่สุด มาดูไปพร้อมกันเลย


  1. แผ่นสะท้อนความร้อน SCG

    แผ่นสะท้อนความร้อน SCG ถือว่าเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่หลายคนให้ความเชื่อมั่นในเรื่องของคุณภาพสูงและมาตรฐานทางวิศวกรรมที่สามารถเชื่อถือได้ ซึ่งโครงสร้างของแผ่นสะท้อนความร้อน SCG ประกอบด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์ที่ผ่านการเคลือบพิเศษที่สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้มากกว่า 95% ซึ่งถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับมาตรฐานทั่วไป อีกทั้งยังมีการเสริมชั้นกันความชื้น และวัสดุรองรับอย่าง Polyethylene ที่ทำหน้าที่เป็นฉนวนในตัว ทำให้แผ่นสะท้อนความร้อนของ SCG สามารถกันทั้งความร้อนและความชื้นในเวลาเดียวกัน ข้อดีของแผ่นสะท้อนความร้อนของ SCG ที่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนก็คือ คุณภาพของวัสดุที่ใช้มีความทนทานสูง จึงทำให้ระยะเวลาในการใช้งานสามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า 10 ปีโดยไม่เสื่อมสภาพง่าย แผ่นสะท้อนความร้อน SCG ยังเหมาะกับการติดตั้งทั้งในบ้านพักอาศัย อาคารขนาดใหญ่ รวมไปถึงโรงเรือนและโกดังอีกด้วย นอกจากนี้แล้วแผ่นสะท้อนความร้อน SCG ยังผ่านการทดสอบมาตรฐานจากห้องแล็บหลายรายการ เช่น ความสามารถในการสะท้อนรังสี ความต้านทานความชื้น และความเหนียวทนต่อแรงดึง


  2. แผ่นสะท้อนความร้อน C-CO

    แบรนด์ C-CO ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องแผ่นสะท้อนความร้อนหรือแผ่นกันความร้อนใต้หลังคาที่ให้ความสำคัญในเรื่องของปัจจัยด้านการประหยัดราคาเป็นหลัก จุดเด่นของแผ่นสะท้อนความร้อน C-CO อยู่ที่วัสดุอะลูมิเนียมฟอยล์ที่มีค่าการสะท้อนรังสีความร้อนประมาณ 85–90% ซึ่งอยู่ในระดับมีการใช้งานได้จริง แม้ค่าการสะท้อนรังสีความร้อนอาจไม่ได้สูงเท่ากับแผ่นสะท้อนความร้อน SCG แต่แผ่นสะท้อนความร้อน C-CO ก็ยังข้อดีในส่วนอื่น ๆ ที่เข้ามาทดแทน เช่น แผ่นมีความบาง น้ำหนักเบา และติดตั้งได้ง่าย และสามารถติดตั้งได้เองโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษอื่น ๆ เฉพาะทาง จึงทำให้แผ่นสะท้อนความร้อน C-CO ได้รับความนิยมในกลุ่มบ้านที่ต้องการลดอุณหภูมิแบบเร่งด่วน ที่ควบคู่ไปกับราคาที่ประหยัดและถูกลงกว่าเดิม นอกจากในเรื่องของความประหยัดแล้ว  แผ่นสะท้อนความร้อน C-CO ยังสามารถนำไปประยุกต์ใช้ร่วมกับฉนวนกันความร้อนชนิดอื่น ๆ ได้อีกด้วย


  3. แผ่นสะท้อนความร้อนตราเพชร

    แผ่นสะท้อนความร้อนตราเพชรเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่มีคนพูดถึงเป็นจำนวนมาก เพราะด้วยคุณสมบัติของค่าการสะท้อนรังสีความร้อนและปัจจัยด้านราคาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างแบรนด์ c-co และ scg ซึ่งมีค่าการสะท้อนความร้อนประมาณ 90–92% โดยโครงสร้างของแผ่นผลิตจากฟอยล์อะลูมิเนียมและเสริมชั้นเคลือบกันความชื้นอีกชั้น จึงช่วยลดการเกิดของเชื้อราและกลิ่นอับที่บริเวณฝ้าเพดานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แผ่นสะท้อนความร้อนตราเพชรยังเน้นในเรื่องของความแข็งแรงของวัสดุเป็นหลัก แผ่นมีความเหนียวและไม่ขาดง่าย สามารถใช้งานได้ทั้งในสภาพอากาศที่มีทั้งแดดร้อนและฝนตกบ่อย


เปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างแผ่นสะท้อนความร้อน vs ฉนวนกันความร้อน


ree

เชื่อว่าหลายคนมักสับสนระหว่างแผ่นสะท้อนความร้อนกับฉนวนกันความร้อนว่าทั้งสองนั้นมีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไรบ้าง เพราะเนื่องจากวัตถุประสงค์ของทั้งแผ่นสะท้อนความร้อนและฉนวนกันความร้อนจะมีไว้เพื่อป้องกันความร้อนเหมือนกันแล้ว แต่ทั้งสองอย่างนี้ยังมีวิธีในการทำงานที่แตกต่างกัน โดยแผ่นสะท้อนความร้อนจะทำหน้าที่คอยป้องกันรังสีความร้อนจากภายนอกไม่ให้เข้าสู่ตัวบ้านหรืออาคาร ซึ่งในขณะที่ฉนวนความร้อนจะทำหน้าที่ชะลอไม่ให้ความร้อนถ่ายเทลงสู่ภายในบ้านหรืออาคารอย่างรวดเร็ว หากจะให้เข้าใจโดยง่ายอาจกล่าวได้ว่าแผ่นสะท้อนความร้อนมีหน้าที่ในการสะท้อนความร้อนออกสู่ภายนอกอาคารและฉนวนกันความร้อนมีหน้าที่ในการลดการถ่ายเทของความร้อนสู่อาคารนั้นเอง ซึ่งหากนำทั้งสองส่วนนี้มาใช้งานร่วมกันก็จะให้ผลลัพธ์ในแง่ของการแก้ปัญหาบ้านร้อนหรือความร้อนที่เข้าสู่ตัวตัวอาคารดีอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด


แนะนำวิธีติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง

ก่อนจะเริ่มลงมือติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อน หลายคนอาจคิดว่าขั้นตอนต่าง ๆ ในการติดตั้งนั้นอาจเป็นงานยากหรือซับซ้อน แต่จริงๆ แล้ว วิธีติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนนั้นสามารถทำได้ไม่ยาก หากมีความเข้าใจในหลักการประกอบกับการเตรียมการที่ดี ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้ว สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือตำแหน่งของการวางแผ่นสะท้อนความร้อนไว้ระหว่างโครงหลังคากับแผ่นกระเบื้อง หรือจะติดที่โครงไม้หรือโครงเหล็กด้านล่างของหลังคาก็ได้ โดยมีจุดที่สำคัญและต้องพิจารณาก็คือควรเว้นช่องว่างเล็กน้อยเพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ ไม่ให้เกิดความร้อนสะสม และควรเลือกใช้วัสดุที่ยึดติดที่แข็งแรง เช่น ลวดหรือเทปอลูมิเนียม เพื่อให้แผ่นสะท้อนความร้อนติดแน่นไม่หลุดล่อนในภายหลัง ซึ่งถ้าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง อุณหภูมิภายในบ้านหรืออาคารจะสามารถลดลงได้อย่างชัดเจน จะมีขั้นตอนและวิธีติดตั้งแผ่นสะท้อนความร้อนอย่างไรบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลยกับ 6 ขั้นตอนการติดแผ่นสะท้อนความร้อนใต้หลังคา

  1. เตรียมพื้นที่สำหรับการติดตั้ง: ตรวจสอบโครงหลังคาให้เรียบร้อย ต้องไม่มีตะปูโผล่ ไม่เป็นสนิม และไม่มีความชื้นสะสม เพราะจะทำให้แผ่นเสื่อมคุณภาพเร็ว

  2. วัดขนาดพื้นที่ให้ชัดเจน: วัดระยะของโครงหลังคาแต่ละช่วง เพื่อตัดแผ่นให้มีขนาดพอดี ไม่เหลือช่องว่างมากเกินไป

  3. ติดตั้งแผ่นบนโครงหลังคา: นำแผ่นสะท้อนความร้อนวางพาดบนโครงหลังคา เช่นบนแปหรือจันทัน โดยให้ด้านที่เป็นอะลูมิเนียมหงายขึ้นด้านบน เพื่อสะท้อนรังสีความร้อนกลับออกไปทางหลังคา

  4. เว้นช่องว่างระบายอากาศ: ควรเว้นระยะห่างระหว่างแผ่นสะท้อนความร้อนกับหลังคาเล็กน้อย (ประมาณ 1–2 นิ้ว) เพื่อให้มี "ชั้นอากาศ" ซึ่งจะช่วยเสริมการสะท้อนและลดการถ่ายเทความร้อนแบบนำ

  5. ยึดด้วยลวดเย็บหรือตัวยึดเฉพาะ: ใช้ลวดเย็บลวดหนีบหรือตัวยึด (ตามคำแนะนำของผู้ผลิต) ยึดแผ่นให้แน่นกับโครงหลังคา โดยเว้นรอยต่อให้มีระยะซ้อนทับประมาณ 10 ซม. เพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่

  6. ปิดรอยต่อด้วยเทปอลูมิเนียม: หากต้องการป้องกันการรั่วซึมหรือรอยต่อหลุดในระยะยาว ควรใช้เทปอลูมิเนียมชนิดกันความร้อนปิดทับรอยต่อของแผ่นเพื่อความเรียบร้อย



 
 
 

Comentarios


bottom of page