top of page

โครงหลังคาโมเดิร์นหัวใจสำคัญของบ้านยุคใหม่ที่ต้องรู้ก่อนสร้าง

  • รูปภาพนักเขียน: sabuy plus
    sabuy plus
  • 30 มิ.ย.
  • ยาว 1 นาที

อัปเดตเมื่อ 4 ส.ค.

ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันถือได้ว่าเป็นยุคที่บ้านสไตล์โมเดิร์นนั้นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากและยังมีแนวโน้มที่จะได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ การสร้างบ้านที่สวยงามและใช้งานได้จริงจึงไม่ได้หยุดอยู่แค่การออกแบบตัวบ้านหรือตัวอาคารเพียงอย่างเดียว แต่ “โครงหลังคาโมเดิร์น” ก็ยังเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เพราะนอกจากจะไม่ได้มีแค่ความสวยแล้ว การออกแบบโครงหลังคาที่ดีก็ยังตอบโจทย์ฟังก์ชันการใช้งานได้อย่างยาวนานและเหมาะสมอีกด้วย ซึ่งทรงหลังคารูปแบบนี้ก็ยังเหมาะที่จะเป็นได้ทั้งบ้านชั้นเดียวและบ้านสองชั้น ดังนั้นก่อนจะออกแบบโครงหลังคาโมเดิร์นให้ถูกใจนั้นเราควรมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า จริง ๆ แล้วหลังคาทรงโมเดิร์นนี้มีกี่แบบกันแน่นและควรเลือกแบบไหนดี มาดูไปพร้อมกันเลย

 

ตัวอย่างรูปทรงโครงหลังคาโมเดิร์นที่ได้รับความนิยมในไทย

หลังคาทรงโมเดิร์นมีทั้งหมดกี่แบบและควรเลือกแบบไหนดีจึงจะเหมาะสมที่สุด?

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าหลังคาทรงโมเดิร์นนั้นมีความโดดเด่นในเรื่องของความเรียบง่าย การวางเส้นสายที่คมชัด และมีจุดเด่นในเรื่องของความลาดชันที่น้อยกว่าหลังคาทรงอื่นทั่วไป ซึ่งโครงหลังคาโมเดิร์นที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีมากมายหลายแบบ มีทั้งแบบหลังคาบ้านโมเดิร์นสวยๆ และทรงหลังคาที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย ซึ่งเราได้รวบรวมหลังคาโมเดิร์นสวยๆ ที่น่าสนใจพร้อมทั้งความเหมาะสมตามสภาพอากาศไว้แล้ว มาดูกันเลย:

  1. หลังคาเพิงหมาแหงน (Shed Roof): เป็นทรงหลังคาที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มบ้านทรงโมเดิร์น เพราะลักษณะของหลังคาจะเป็นการวางพื้นผิวเดียวแบบลาดเอียงไปด้านใดด้านหนึ่ง ในแง่ของการก่อนสร้างและขึ้นโครงถือว่าเรียบง่าย ไม่ซับซ้อน อีกทั้งยังระบายน้ำฝนได้ดี และที่สำคัญโครงหลังคาโมเดิร์นทรงเพิงหมาแหงนนี้ยังรองรับการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ได้ดีอีกด้วย หากพิจารณาแล้วทรงนี้เหมาะกับสภาพอากาศที่มีฝนตกเป็นจำนวนมาก เพราะน้ำฝนสามารถไหลลงได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ลดปัญหาของน้ำขังสะสมและการรั่วซึมได้

  2. หลังคาทรงกล่องหรือหลังคาแบน (Flat Roof): ดีไซน์ที่ดูเรียบเท่และทันสมัยสุดๆ ทำให้บ้านดูเป็นรูปทรงกล่องชัดเจน เหมาะกับบ้านแนวมินิมอลหรือลอฟต์ และยังสามารถใช้พื้นที่ดาดฟ้าเป็นประโยชน์ได้ เหมาะกับสภาพอากาศ: ทรงนี้ท้าทายในสภาพอากาศฝนตกหนัก ต้องใส่ใจเรื่องการออกแบบระบบระบายน้ำและระบบกันซึมเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันน้ำขังและรั่วซึม

  3. หลังคาแบบซ่อน (Hidden Roof / Parapet Roof): เป็นเทคนิคที่ผนังอาคารจะยกสูงขึ้นไปบดบังส่วนหลังคาที่ซ่อนอยู่ภายใน ทำให้ภายนอกดูเหมือนหลังคาแบนหรือทรงกล่องที่สะอาดตา แต่ภายในยังคงมีหลังคาที่ลาดเอียงเพื่อระบายน้ำได้ตามปกติ หลังคาทรงนี้มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำได้ดีกว่าหลังคาแบนเรียบ แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับรายละเอียดของผนังกันน้ำและช่องระบาย

  4. หลังคาทรงปีกผีเสื้อ (Butterfly Roof): ทรงหลังคา ที่แผ่นหลังคาทั้งสองด้านลาดเอียงเข้าหากันตรงกลาง เป็นดีไซน์ที่โดดเด่น หรูหรา และเป็นเอกลักษณ์ การเลือกใช้หลังคาทรงนี้ต้องระมัดระวังเรื่องรางน้ำตรงกลาง เพราะมีโอกาสเกิดน้ำขังหรืออุดตันได้ง่ายในหน้าฝน จึงต้องออกแบบรางน้ำให้มีขนาดใหญ่และมีการดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ

  5. หลังคาทรงปีกนก: คล้ายกับปีกผีเสื้อ แต่จะเป็นการหันปลายแหลมของหลังคาขึ้นฟ้า มักพบในอาคารขนาดใหญ่ หรือเป็นการเล่นระดับหลังคาแบบผสมผสาน

หลังคาทรงกล่องเป็นอีกหนึ่งโครงหลังคาโมเดิร์นที่ได้รับความนิยม

โครงหลังคาโมเดิร์นชั้นเดียวกับโครงหลังคาโมเดิร์น 2 สเต็ปทรงที่ได้รับความนิยมสูงสุด

โครงหลังคาโมเดิร์นไม่ได้มีแค่แบบเดียว แต่ยังสามารถเล่นระดับเพื่อสร้างมิติให้กับตัวบ้านของคุณได้อีกด้วย โดยทรงหลังคาโมเดิร์นที่ได้รับความนิยมและพบเห็นได้บ่อยมีด้วยกัน 2 ประเภทได้แก่

  • โครงหลังคาโมเดิร์นชั้นเดียว เป็นทรงหลังคาที่มักออกแบบให้กลมกลืนไปกับตัวบ้านโดยตรง เน้นความเรียบหรู และทันสมัย ซึ่งแบบของหลังคามักจะเป็นแบบลาดเอียงเพียงด้านเดียว หรือแบบซ่อนหลังคา เพื่อความสะอาดและสบายตา นอกจากนี้โครงหลังคาโมเดิร์นประเภทนี้ยังช่วยให้น้ำไหลระบายได้รวดเร็วอีกด้วย

  • โครงหลังคาโมเดิร์น 2 สเต็ป เป็นการจัดระดับของหลังคาให้ดูมีมิติมากยิ่งขึ้น โดยมีความสูง-ต่ำที่แตกต่างกัน ช่วยระบายอากาศภายในบ้านได้ดีขึ้น และเพิ่มความน่าสนใจให้กับตัวบ้าน ทำให้บ้านดูมีลูกเล่นและไม่น่าเบื่อ โดยส่วนของโครงหลักจะยังคงใช้รูปแบบเดียวกับโครงหลังคาโมเดิร์นชั้นเดียว แต่จะมีส่วนที่เป็นอีกสเต็ปยื่นออกมาในส่วนของด้านหน้า เพื่อป้องกันฝนสาดและรับกับน้ำฝนที่อาจสาดเข้ามาจากทางด้านหน้า


โครงหลังคาโมเดิร์นมีส่วนประกอบที่สำคัญอะไรบ้าง?

ถ้าคุณกำลังคิดจะสร้างหลังคาสไตล์โมเดิร์น สิ่งแรกที่ต้องเข้าใจก็คือส่วนประกอบโครงหลังคาโมเดิร์น ว่าต่างจากหลังคาแบบเก่าๆ ที่ใช้กันอยู่อย่างไร การเลือกวัสดุมุงหลังคาที่ดีก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะทำให้หลังคาใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น ซึ่งโครงหลังคาโมเดิร์นจะประกอบไปด้วย 2 ส่วนหลักได้แก่

1.       โครงสร้างหลักของหลังคา: โครงหลังคาโมเดิร์นจะใช้ระบบโครงสร้างที่แตกต่างจากหลังคาแบบเดิมทั่วไป เพื่อให้ตอบโจทย์การออกแบบที่เน้นความเรียบง่าย มีแนวเส้นและสายที่คมชัด พื้นที่ใช้สอยที่เปิดโล่ง โครงสร้างหลักจึงจะต้องรองรับน้ำหนักของหลังคาทั้งหมด รวมถึงแรงลม แรงแผ่นดินไหว และน้ำหนักของคนที่อาจมีความจำเป็นต้องขึ้นไปซ่อมแซม ดังนั้นวัสดุที่นิยมนำมาใช้ในปัจจุบัน จึงเป็นวัสดุที่ใช้โครงเหล็กเป็นหลักเพราะด้วยความเรียบง่ายในการติดตั้ง และความแข็งแรงในระยะยาว จึงทำให้หลายคนเลือกใช้เหล็กเป็นโครงสร้างหลักของหลังคา จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เรามักเห็นหลังคาเพิงแหงนโครงสร้างเหล็กอยู่เป็นจำนวนมากในการก่อสร้าง

2.       องค์ประกอบสำคัญของหลังคา:

หลักการทำงานของโครงหลังคาทรงโมเดิร์น โดยปกติแล้วแต่ละส่วนจะมีส่วนที่ต้องทำงานและรับน้ำหนักตามส่วนที่เชื่อมต่อกัน โดยเริ่มจากส่วนที่รับน้ำหนักวัสดุมุงหลังคาแล้วส่งต่อลงไปที่โครงสร้างหลักของบ้าน ถ้าเข้าใจหน้าที่ของแต่ละส่วน จะช่วยให้ออกแบบและสร้างได้ถูกต้อง มีส่วนสำคัญ 3 ส่วนหลักๆ

  • จันทัน - อาจเปรียบเสมือนเป็นกระดูกสันหลังของหลังคา ที่รับน้ำหนักจากกระเบื้องหรือวัสดุมุงหลังคาประเภทอื่น แล้วกระจายไปที่โครงสร้างบ้านทั้งหมด ส่วนนี้จึงจำเป็นต้องแข็งแรงพอกับขนาดหลังคา

  • แป - คือส่วนที่วางขวางบนจันทัน เป็นตัวรองรับกับหลังคาโดยตรง ระยะห่างของแปจะขึ้นอยู่กับว่าเราเลือกวัสดุมุงหลังคาประเภทไหนเป็นหลัก

  • เชิงชาย - คือส่วนที่ติดที่ขอบของหลังคา มีหน้าที่หลัก 2 อย่างซึ่งก็คือ ทำให้หลังคาดูสวยงามเป็นระเบียบ เรียบร้อย และทำหน้าที่ป้องกันกันน้ำฝนเพื่อไม่ให้เข้าไปเปียกยังส่วนของฝาผนังบ้าน

 

ควรเลือกวัสดุมุงหลังคาประเภทไหนดีจึงจะเหมาะกับโครงหลังคาโมเดิร์น

การเลือกวัสดุมุงหลังคาให้เข้ากับประเภทและโครงหลังคาโมเดิร์นที่ใช้ก็มีผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพการทำงานและรวมถึงระยะเวลาของความทนทาน และเราควรเลือกกระเบื้องหลังคาแบบไหนดีจึงจะเหมาะสมกับประเภทของการใช้งาน มาดูไปพร้อมกันเลย

  • เมทัลชีท: น้ำหนักเบา ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ราคาไม่สูง แต่ควรพิจารณาเรื่องเสียงฝนและความร้อน

  • หลังคาโมเดิร์นกระเบื้องลอนคู่: เป็นตัวเลือกยอดนิยมอีกหนึ่งแบบ ด้วยน้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย และมีหลากหลายสีให้เลือก โดยเฉพาะสีเข้มๆ ที่ให้ความรู้สึกทันสมัยและหรูหรา

  • ไฟเบอร์ซีเมนต์ หรือ ASA/UPVC: วัสดุเหล่านี้มีน้ำหนักเบา ทนทาน และมีคุณสมบัติที่ดีในการสะท้อนความร้อนและลดเสียงฝน เหมาะสำหรับ หลังคาทรงโมเดิร์น ที่ต้องการฟังก์ชันพิเศษ

  • กระเบื้องคอนกรีต/เซรามิก: มอบความแข็งแรงทนทานและมีดีไซน์หลากหลาย แต่มีน้ำหนักมากกว่า

โครงสร้างก่อนก่อฉาบหลังคาโครงโมเดิร์น

ค่าแรงสำหรับโครงหลังคาโมเดิร์นพร้อมมุงปี 2568

หลายคนคิดว่าการทำหลังคาใหม่ให้กับบ้านซักหลังโดยเลือกใช้โครงหลังคาโมเดิร์นนั้น อาจคิดแค่ว่าซื้อวัสดุมาทำก็เสร็จสิ้นแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราต้องคำนวณค่าแรงทำโครงหลังคาพร้อมมุงอีกด้วย ซึ่งในบางครั้งค่าแรงอาจจะเท่ากับค่าวัสดุเลยก็ว่าได้

ยกตัวอย่างเช่น หากต้องการเลือกใช้กระเบื้องลอนคู่ ค่าแรงมุงหลังคากระเบื้องลอนคู่จะอยู่ที่ 120-500 บาทต่อตารางเมตร แต่ถ้าคิดค่าแรงทำโครงหลังคาพร้อมมุงด้วยในครั้งเดียว ค่าแรงทั้งหมดทั้งหมดอาจรวมกันอยู่ที่ 1,400 - 1,600 บาทต่อตารางเมตร เพราะเนื่องจากงานที่ซับซ้อนตามความยากของแบบโครงหลังคาที่เราเลือกใช้ ซึ่งหมายถึงว่าค่าแรงอาจผันผวนตามความยากของประเภททรงของโครงหลังคาโมเดิร์นที่เลือกใช้

 
 
 

ความคิดเห็น


bottom of page